Web Analytics
CONTACT | TEL : 02-728-3440, EMAIL : SALES@ASTRONLOGIC.COM | Cart 0
การใช้งานโปรแกรม MAX+PLUSE II เบื้องต้น (1)

» การใช้งานโปรแกรม MAX+PLUSE II เบื้องต้น (1)

การใช้งานโปรแกรม MAX+PLUSE II เบื้องต้น (1)

MAX+PLUSE II เป็นโปรแกรมซึ่งถูกสร้างและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท ALTERA เพื่อใช้สำหรับออกแบบ สังเคราะห์วงจรทางดิจิตอลและโปรแกรมวงจรลอจิกที่สร้างขึ้นลงในชิพ FPGA ในการออกแบบวงจรด้วย โปรแกรม MAX+PLUSE II สามารถทำได้หลายลักษณะ เช่น

  • ใช้การกำหนดรูปแบบ Waveform ทางอินพุทและเอาท์พุทของวงจรที่ต้องการ
  • วาดวงจรโดยการนำเกทหรือสัญลักษณ์ต่างๆ มาเชื่อมต่อกัน
  • ใช้ภาษาอธิบายพฤติกรรมของวงจรที่ต้องการ เช่น VHDL, AHDL และ Verilog เป็นต้น

รูปที่ 4.1 ขั้นตอนการออกแบบ

ในการออกแบบวงจรด้วยโปรแกรม MAX+PLUSE II สามารถทำได้ดังรูปที่ 4.10 ซึ่งในส่วนนี้จะอธิบาย ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบวงจร, การตรวจสอบความถูกต้องในการต่อวงจร, การคอมไพล์ - สังเคราะห์วงจร, การจำลองการทำงานของวงจรที่ออกแบบมา, การโปรแกรมวงจรลงในชิพและตรวจสอบการทำงานจริง


การออกแบบวงจร (Design Entry)

1. เรียกโปรแกรม MAX+PLUSE II จาก Start Menu

รูปที่ 4.2 การเรียกโปรแกรม MAX+PLUSE II

รูปที่ 4.3 โปรแกรม MAX+PLUSE II
2. ทำการสร้างโปรเจ็คสำหรับวงจรที่ต้องการออกแบบโดยเริ่มจากการตั้งชื่อของโปรเจ็คที่เมนู File / Project / Name สำหรับตัวอย่างนี้ให้ตั้งชื่อโปรเจ็คเป็น First

รูปที่ 4.4 การเลือกเมนูเพื่อสร้างโปรเจ็ค

รูปที่ 4.5 การตั้งชื่อโปรเจ็ค

3. เลือกประเภทของไฟล์ที่จะสร้างจากเมนู File / New / Graphic Editor File จากนั้นจะมีไดอะล็อก ให้เลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการสร้างขึ้นมา

รูปที่ 4.6 การเลือกเมนูเพื่อสร้างไฟล์

รูปที่ 4.7 การเลือกชนิดของไฟล์ที่จะสร้าง

ไฟล์แต่ละชนิดจะมีความหมายดังต่อไปนี้

Graphic Editor File : เป็นไฟล์กราฟิกที่เราสามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ ใน Library มาวางต่อกันเป็นวงจร ได้เลย
Symbol Editor File : เป็นไฟล์ที่ใช้เก็บสัญลักษณ์เพื่อสื่อให้ทราบว่าโมเดลที่เราได้สร้างขึ้นมีอินพุท และเอาท์พุทเป็นอย่างไร
Text Editor File : เป็น Text file ใช้สำหรับเขียน Source code เพื่ออธิบาย พฤติกรรมของวงจรหรือโมเดลต่างๆ ที่เราจะสร้างหรือเพื่อใช้สำหรับเก็บข้อความทั่วๆไป
Waveform Editor File : เป็นไฟล์ Waveform ที่มีไว้สำหรับอธิบายลักษณะ Waveform ของวงจรที่เราต้องการ ซึ่งถ้ามีการกำหนด Waveform ทั้งทางอินพุทและเอาท์พุทก็จะใช้นามสกุลของไฟล์เป็น wdf (Waveform Design File) แต่ถ้าใช้ในการกำหนดรูปแบบของสัญญาณอินพุท เพื่อให้โปรแกรม MAX+PLUSE II จำลองการทำงานและบันทึกผลที่ได้จะใช้ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น scf (Simulate Channel File)